ยางบวม ยางแตก อันตรายแค่ไหน สาเหตุ และวิธีป้องกัน

ยางบวม และ ยางแตกเป็นปัญหาที่ผู้ใช้รถทุกคนไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้ในพริบตา โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนทางด่วนหรือถนนที่มีการจราจรหนาแน่น บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า ยางบวม ยางแตก อันตรายแค่ไหน? สาเหตุและวิธีป้องกัน ทำอย่างไรเพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องถนน

ยางบวม 

ยางบวม (Tyre Bulge) คืออาการที่หน้ายางหรือแก้มยางโป่งพองออกมาเป็นลักษณะนูนผิดปกติ ซึ่งเกิดจากโครงสร้างชั้นในของยางเสียหาย โดยเฉพาะเส้นใยเหล็กหรือผ้าใบภายในยางที่ฉีกขาด ทำให้แรงดันลมยางดันให้ยางโป่งออกมา เมื่อเกิดอาการนี้ ยางจะมีโอกาสแตกสูงมาก หากยังฝืนใช้งานต่อไป

ยางแตก 

ยางแตก (Tyre Blowout) คือการที่ยางฉีกขาดหรือระเบิดออกในขณะใช้งาน มักเกิดขึ้นในช่วงความเร็วสูง หรือเมื่อลมยางผิดมาตรฐาน ยางแตกมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่สามารถควบคุมได้ และทำให้รถเสียการทรงตัวทันที อาจนำไปสู่อุบัติเหตุรุนแรงหากควบคุมรถไม่อยู่

ยางบวม ยางแตก อันตรายยังไง

1. รถเสียการทรงตัว 

เมื่อยางแตกที่ล้อหน้า รถจะหมุนหรือเบี่ยงตัวทันที หากเป็นล้อหลังอาจสะบัดท้ายจนรถหมุนลงข้างทาง ชนต้นไม้ ชนรถคันอื่น และอีกมากมายแล้วแต่จะเกิดขึ้น

2. เพิ่มโอกาสพลิกคว่ำ 

ยางบวม ยางแตกทำให้รถคว่ำได้ โดยเฉพาะรถ SUV หรือรถบรรทุกที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูง จะยิ่งมีโอกาสพลิกคว่ำสูงกว่ารถประเภทอื่นมากๆ

3. เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง 

อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นก็มีหลายลักษณะ เช่น รถอาจพุ่งออกนอกเส้นทาง ชนสิ่งกีดขวาง หรือชนรถคันอื่น หรือเสียการควบคุมพุ่งเข้าชนคนเดินข้ามทาง หรือข้ามเลนไปชนเข้ากับรถคันอื่นแบบประสานงา

4. เสียค่าใช้จ่ายสูง 

ไม่เพียงแค่ค่ายาง ยังรวมถึงค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล หรือแม้กระทั่งค่าเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น

สาเหตุของยางบวมและยางแตก

1. ขับรถตกหลุมหรือกระแทกของแข็งบ่อย ๆ
   โดยเฉพาะหลุมลึก ฝาท่อ หรือขอบฟุตบาท ซึ่งทำให้โครงสร้างภายในยางเสียหาย
   
   

2. เติมลมยางผิดมาตรฐาน
   ทั้งลมน้อยเกินไปและมากเกินไปมีผลต่อความเสี่ยงของยางบวมและแตก
   
   

3. บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด
   ส่งผลให้แรงกดบนยางมากเกิน ส่งผลให้เกิดความเสียหายที่แก้มยางหรือดอกยาง
   
   

4. ยางเสื่อมสภาพ / หมดอายุการใช้งาน
   ยางที่มีอายุเกิน 4-5 ปี แม้จะมีดอกยางเหลืออยู่ ก็มีโอกาสบวมและแตกได้
   
   

5. ผลิตภัณฑ์ยางไม่มีคุณภาพ
   การเลือกยางราคาถูกเกินไปจากแหล่งที่ไม่เชื่อถือได้ อาจได้ยางที่มีโครงสร้างไม่แข็งแรง
   
   

วิธีป้องกันยางบวมและยางแตก

1. ตรวจเช็กลมยางเป็นประจำ
   ควรเช็กลมยางอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และเติมลมให้ได้ค่าที่เหมาะสมกับรถของคุณตามคู่มือ
   
   

2. หลีกเลี่ยงการขับตกหลุมหรือปีนฟุตบาท
   โดยเฉพาะการขับรถเร็วในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย
   
   

3. หมุนเวียนยาง (Rotation) ทุก 8,000 – 10,000 กม.
   เพื่อให้การสึกหรอของยางสม่ำเสมอ ช่วยยืดอายุการใช้งาน
   
   

4. ตรวจสอบสภาพยางและอายุยางเสมอ
   แม้จะยังดูใหม่ แต่หากอายุเกิน 5 ปี ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัย
   
   

5. ไม่บรรทุกน้ำหนักเกิน
   ตรวจสอบน้ำหนักรวมของรถและสัมภาระไม่ให้เกินค่าที่ผู้ผลิตกำหนด
   
   

6. เลือกใช้ยางจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้
   ยางคุณภาพสูงจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานจะช่วยลดความเสี่ยงของการบวมและแตกได้มาก
   
   

สัญญาณเตือนก่อนยางบวมหรือยางแตก

• แก้มยางมีตุ่มนูนหรือโป่งผิดปกติ
  
  

• หน้ายางสึกไม่เท่ากัน
  
  

• ขับแล้วรู้สึกสั่น สะบัด หรือล้อไม่บาลานซ์
  
  

• มียางแบนหรือรั่วบ่อยแม้ไม่มีของแหลมตำ
  
  

หากพบอาการเหล่านี้ ควรหยุดใช้รถทันที และนำไปให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบโดยเร็ว

บทสรุป

ยางบวมและยางแตกไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะสามารถนำไปสู่เหตุการณ์อันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ระมัดระวังในการดูแลรักษา การขับรถอย่างใส่ใจ ตรวจสอบสภาพยางสม่ำเสมอ และเลือกใช้ยางที่ได้มาตรฐาน เป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดที่ทุกคนสามารถทำได้เอง